
บทความนี้ผมจะเริ่มด้วยบทสนทนาระหว่างผมกับรุ่นน้อง ครั้งเมื่อไปแฮงเอ้าท์กันที่ร้านหนี่งเพื่อพบปะสังสรรค์กัน หลังจากไม่ได้พบกันนาน บทสนทนาอาจจะยาวสักนิด หากต้องการอ่านเฉพาะเนื้อหาบท ท่านความสามารถเลื่อนไปอ่านบทความที่ ย่อหน้าสองด้านล่างได้ทันทีเลยครับ

“หวัดดีครับพี่ โทษทีมาช้า ติดเดทนิดหน่อย ดราม่ากันนิด ๆ ตอนนี้เคลียร์แล้ว ไปส่งที่คอนโดเสร็จ ไปรับรุ่นน้องแล้วก็รีบมาหาพี่เลย” รุ่นน้องผมสมัยเรียนมหาวิทยาลัยเข้ามาทักทายพร้อมสาธยายว่าทำไมเขาถึงมาช้า เพราะวันนี้เรานัดกันว่าจะมีพบปะสังสรรค์กันเสียหน่อย ห่างกันไปนานกว่าจะหาเวลารวมตัวได้หลายคนแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย

รุ่นน้องผมพารุ่นน้องของมันมาด้วย เป็นน้องผู้ชายที่แต่งตัวใช้ได้เลย ดูเป็นคนแต่งตัวเป็น หลังจากแนะนำตัวหาที่นั่งเสร็จผมก็ขอแก้วจากทางร้านมาอีกสองใบ แต่รุ่นน้องผมก็ทักว่า “สามพี่ ไปห้องน้ำอีกคน”
ที่นี้วงสนทนาเราก็ใหญ่ขึ้นอีกน่าจะเป็นคืนที่สนุกสนานทีเดียว พูดคุยกันไปสักพักเจ้ารุ่นน้องผมก็พยายามเป็นตัวกลางระหว่างพวกผมกับรุ่นน้องมัน ซึ่งก็เป็นเรื่องตลกทั่ว ๆ ไป ตามนิสัยของมันที่เป็นคนสนุกสนาน
จนมาประโยคหนึ่งที่มันพูดกับรุ่นน้องของมันและทักมาทางผมว่า “นี่ รุ่นพี่ ๆ คนนี้ก็ฮิปสเตอร์ มีไรคุยกับแกได้” รุ่นน้องที่ยังเรียนมหาวิทยาลัยคนนี้ของมันก็ยิ้ม ๆ มาทางผม
แต่ผมติดใจมันต้องที่บอกว่าผมฮิปสเตอร์ แม้จะดูเหมือนการพูดแบบทีเล่นทีจริงก็ตาม แต่ในเมื่ออยู่ในวงแบบนี้ เรื่องสนุกแบบไหนก็คุยได้หมด ผมจึงถามมันไปว่า “พี่ฮิปสเตอร์ตรงไหน ยังไงนะ”สารภาพตามตรงว่าผมไม่ค่อยเก็ตกับคำนี้เท่าไหร่ เคยอ่านเจอในนิตยสารทั้งไทยและเทศก็เยอะ แต่ความหมายก็กว้างพอ ๆ กับจักรวาล
แต่ก็พอรู้ว่าฮิปสเตอร์ในโลกใบนี้มีทั้งของจริง และของพยายาม และผมยังทราบอีกว่ามีคนแอนตี้พวกเกาะกระแสนี้ในโซเชียล ทั้งไทยและต่างประเทศเช่นกัน มีวาทะที่ถกกันของสองกลุ่มในโซเชียล

รุ่นน้อง “ก็ฮิปสเตอร์ไงพี่ น้องผมคนนี้มันก็ฮิปส์ ผมก็ฮิปส์ พี่ก็ฮิปส์รู้จักกันไว้ก็ดี”
ผม”รู้จักกันอะดี แต่พี่ฮิปส์ตรงไหนวะ พี่ว่าพี่ไม่นะ” รุ่นน้องผมหัวเราะแบบพ่นลมหายใจออกจมูกพร้อมมองหน้าผมอย่างไม่เชื่อหู”พี่อะฮิปส์ แต่งตัวงี้ ทรงผมงี้ ไลฟ์สไตล์งี้”
ผม “เอางี้ ๆ ลองบอกมาหน่อยว่า ฮิปส์เตอร์ของนายเป็นยังไง”
รุ่นน้อง “อะได้ ๆ ฮิปส์เตอร์เนี่ยคือพวกที่มีไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างแสดงออกได้จากหลายทิศทาง แบบย่อย ๆ หน่อยก็ผ่านการแต่งตัว การกิน การใช้ชีวิต แนวคิดไรงี้”
“แล้วมันฮิปส์ตรงไหน”เพื่อนผมอีกคนที่สงสัยเริ่มตั้งคำถามพร้อมชี้มาที่ผม รุ่นน้องไม่รอช้ารีบถามผมทันที
“พี่ชอบฟังเพลงป่ะ”
“ก็ชอบสิ แค่นี้หรอ”ผมนึกในใจว่าผมเคยหากินเป็นนักดนตรีมาสิบปี ไม่ฟังก็แปลกแล้ว อีกอย่างใครก็ฟังเพลงกันทั้งนั้น
รุ่นน้อง “ไม่ใช่ ๆ แต่ก็ใช่ เพราะฮิปส์เตอร์ต้องรักเสียงเพลง”
ผม “ช่วงนี้ฟังแต่เรื่องผีใน youtube อ่ะ ต้องเขียนเรื่องสยองขวัญ”
รุ่นน้อง “โหงั้นนี่เลย ฮิปส์เตอร์ต้องรักการอ่าน พี่เป็นนักเขียนนี่”
ผม “ก็ใช่ งานพี่นี่ ไม่อ่านไม่เขียน จะเอาไรแลกเงินมากินข้าวล่ะ”
รุ่นน้อง “งั้นพี่ก็ต้องชอบถ่ายรูป ใช้โซวววววเชียล”
“มันไม่เล่นเฟซบุ๊ค” เพื่อนผมอีกคนชี้แจง “แต่มันชอบถ่ายรูปนะ”
ผม “คือขายรูปในออนไลน์ไง ไม่ถ่ายแล้วเอาอะไรไปแลกเงินเขาครับ”ผมอธิบายบ้าง
รุ่นน้อง “แต่ก่อนพี่แนะนำผมให้ดูหนังคานส์ หนังกล่อง หนังนอกกระแส ทุกวันนี้ผมยังทำอยู่”
ผม “ก็ตอนนั้นพี่ทำทีวี ทำโฆษณา ต้องดูเยอะ คิดเยอะ หนังนอกกระแสมันก็แปลกดี มีดีก็เยอะ เลยแนะนำไง”
รุ่นน้อง “ฮิปสเตอร์ต้องรักสุขภาพ ผมเห็นพี่บอกชอบปลูกต้นไม้ ทำกับข้าวกินเอง กินอาหารคลีน”
ผม “นั่งในวงเหล้าแบบนี้พี่ไม่กล้ายืนยันว่ะ แต่พี่ชอบทำแบบนี้ แก่แล้วมั้ง”
รุ่นน้อง “โหจี๊ดเลย อันนี้ชัดมาก เพราะเหล่าฮิปส์เตอร์ที่แท้จริง จะมีความเป็นตัวของตัวเองสูงมาก โดยไม่สนใจกระแสหลักกระแสรองที่ล้อมรอบ”
.jpg)
ยังคุยไม่ทันเสร็จ เพื่อนรุ่นน้องคนที่สามของมันก็มา ก่อนจะมาถึงโต๊ะเรา เขาแวะทักกับสาวที่รู้จักโต๊ะอื่นก่อน ดูป๊อปปูล่า โคอะล่ามาก แต่สภาพตอนนี้เหมือนเพิ่งอ๊วกเสร็จ ผมยาวประบ่าเสื้อยีนส์แบบนี้ผมคิดถึงฮิปปี้สมัยก่อนในยุค 60 น้องผู้ชายคนนี้ยืนมองสำรวจทุกคนแบบเบลอ ๆ สักพัก ก็หันไปถามเพื่อนรุ่นเดียวกันที่มานั่งกับเราก่อนว่า “กูต้องไหว้ใครมั่งวะ”
เข้าสู่เนื้อหากันดีกว่า
ย่อหน้าสอง
ฮิปสเตอร์ (Hipster) หลายคนคงเคยได้ยินคำนี้บ่อยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่แท้จริงแล้วกลุ่มคนที่เรียกตนเองว่า ฮิปสเตอร์นั้นมีมานานแล้ว สืบทอดมาจากชาวฮิปปี้ยุค 60 อีกที กาลเวลาปรับเปลี่ยนในรูปลักษณ์ ซึ่งอาจเปลี่ยนไปบ้างตามยุคสมัยของแฟชั่น แต่อุดมการณ์และแนวคิดในการใช้ชีวิตมีวิถีที่สอดคล้องกัน
อย่างไรก็ดี การเป็นฮิปสเตอร์หรือไม่เป็นฮิปส์เตอร์ คนจะชอบฮิปสเตอร์ หรือไม่ชอบฮิปสเตอร์ ไม่ใช่สาระสำคัญใด ๆ
สิ่งที่สำคัญกว่าคือ เราได้อะไรจาก สิ่งที่เรียกว่า ฮิปสเตอร์บ้าง
สำหรับผม ผมเห็นกลุ่มคนที่ขบถต่อสิ่งที่ตนเองมองว่าไร้ซึ่งรสชาติของชีวิต และเลือกที่จะใช้ชีวิตตามแบบที่ตนเองต้องการ
ผมเห็นคนที่สนใจในเรื่องแฟชั่นและการใช้ชีวิตอย่างสโลว์ (หมายถึงละเมียดและสังเกตทุกความรู้สึกที่ตนเองกำลังสัมผัสรับรู้)
แน่นอนมีทั้งผู้ที่ชอบหรือไม่ชอบฮิปสเตอร์ ซึ่งเราไม่จำเป็นต้องไปเห็นด้วยกับใครที่เขาจะถกเถียงกัน (หากเราไม่ได้คิดจะเห็นด้วย)
แต่จริง ๆ แล้วผมเชื่อว่าทุกคนมีความเป็นฮิปสเตอร์ และไม่เป็นฮิปสเตอร์อยู่ในตนเองด้วยกันทุกคน เหมือนที่พวกเรามีความคิดหรือการใช้ชีวิตในบางแง่เหมือนชาวฮิปปี้ยุค 60
บทความนี้เราจะลองมาดูกันที่เขาว่า ฮิปส์เตอร์ ๆ เนี่ย มันมีอะไรบ้างที่จะบอกว่าเราเป็นหรือไม่เป็นฮิปสเตอร์ แม้จะหลายคนก็หลายความเห็น แต่ตามที่ผมอ่าน ๆ ผมอยากหยิบมุมมองแบบนี้มาให้ครับ
1.คุณมีรสนิยมการแต่งตัวดี และแตกต่างจากคนรอบข้าง

ชาวฮิปสเตอร์ทั้งหลายมักจะมีเซ้นต์ในการแต่งตัวที่ดี มีความสามารถในการมิกซ์แอนด์แม๊กซ์สูง รู้ว่าแต่งแบบไหนเข้าหรือไม่เข้ากับตนเอง
2.รักเสียงเพลง
.jpg)
เสียงดนตรีเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ชาวฮิปสเตอร์จะเรียนรู้ หรือเข้าใจบางอย่างของการใช้ชีวิตได้ แน่นอนว่าพวกเขาจะละเมียดไปกับดนตรีและเนื้อหาของเพลง
3.ไว้เครา ยาวกว่าผม
.jpg)
ข้อนี้ถือว่าเป็น สเตอริโอไทฟ์ ของหนุ่มฮิปส์เขาล่ะครับ ไว้ปุ๊ปฮิปส์เลย แต่…จากการอ่านในเว็ปนอกเกี่ยวกับฮิปสเตอร์ หลายแห่ง เขาก็บอกว่า ฮิปส์เตอร์ที่แท้จริง ต่อให้ไม่ไว้หนวดเครา ก็ฮิปส์ได้ เพราะ หนวดเคราเป็นแค่องค์ประกอบหนึ่งเท่านั้น
4.แต่งตัวแล้วดูไม่ออกว่าทำงานอะไร
.jpg)
สืบเนื่องจากการที่หนุ่มฮิปส์ทั้งหลายมักจะสนใจการแต่งตัวอยู่เสมอ และมีแนวคิดสร้างสรรค์ในตัว จนทำให้งานของพวกเขาอาจจะไม่ใช่งานรับราชการทั้งหมด อาจจะเป็นฟรีแลนซ์ในด้านต่าง ๆ หรือประกอบธุรกิจเอง หรือทำงานในออฟฟิศที่โมเดิร์นหน่อยและไม่เข้มงวดเรื่องการแต่งตัว(เหมือนออฟฟิศผม) ขอแค่ไม่แก้ผ้าไปทำงานนับว่าใช้ได้แล้ว
5.รักการอ่านหนังสือ
.jpg)
หนุ่มฮิปส์หลายคนสนใจอรรถรสที่ได้จากการอ่านครับ ยิ่งเป็นหนังสือที่เกี่ยวกับการถ่ายภาพ ไลฟ์สไตล์ ไอเดีย แฟชั่น ยิ่งถนัด ซึ่งหนังสือพวกนี้ส่วนใหญ่ก็มักจะไม่มีตัวหนังสือมากนัก
6.ชอบถ่ายภาพ
.jpg)
พวกเขาหลายคนใช้โซเชียลอย่างเข้าใจและรู้กลไกการนำเสนอมันเป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม พวกเขานิยมแสดงออกทางความคิดภาพรูปภาพที่ตนเองถ่ายด้วย ซึ่งโซเชียลก็เป็นสื่อหนึ่งที่ง่าย และไม่เสียตัง
7.รักการเสพศิลปะ
.jpg)
อีกขั้นหนึ่งของการเรียนรู้ความงามของชีวิตก็คือการเสพศิลปะนี่แหละครับ ที่หนุ่ม ๆ ฮิปสเตอร์ทั้งหลายนิยมนักแล อาท…นั่นเอง
8.ใส่ใจสุขภาพ
.jpg)
พวกเขารู้ว่าควรจะกินอย่างไร ทำอย่างไรกับสุขภาพของตนเอง ซึ่งก็ไม่แปลกเพราะเป็นเทรนด์ที่ทั่วโลกหันมาให้ความสนใจอย่างมากในช่วงสิบปีที่ผ่านมานี้อยู่แล้ว พฤติกรรมนี้จึงถือได้ว่าหนุ่มฮิปส์สนใจข่าวสารและเทรนด์ของโลกที่น่านำมาใช้กับตนอีกด้วย ทำให้ผมนึกไปถึงฮิปปี้บางกลุ่มสมัยก่อน เขาไม่เสพกัญชาด้วย(ซึ่งยอดฮิตมากในยุคนั้น) ไม่ดื่ม ไม่สูบบุหรี่ และเป็นมังสาวิรัต
9.รักสิ่งแสดล้อม
.jpg)
ถ้าใครที่มีทั้ง 8 ข้อด้านบนครบแล้ว และยังไม่รักหรือสนใจในสิ่งแวดล้อมอีก ถือว่าไม่ใช่ฮิปสเตอร์ของแท้แน่นอนครับ ถ้าคุณอยู่กับสิ่งเหล่านี้นาน ๆ ไป มันยอมเป็นส่วนหนึ่งของคุณ และคุณจะรักธรรมชาติไปโดยปริยาย
10.มีความคิดเป็นของตนเอง ที่ไม่จำเป็นต้องเหมือนใคร
.jpg)
ข้อนี้ผมเชื่อว่าหลาย ๆ ท่านที่อ่านอยู่ ก็มักจะมีความคิดเป็นของตนเองกันอยู่แล้ว พ่วงท้ายไปอีกสักหน่อยว่าความคิดนั้น ความอยู่ในลักษณะที่สร้างสรรและสอดคล้องกับความมีเหตุผลด้วย จึงจะถือว่าฮิปสเตอร์จุติตัวจริง
*ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก Google และ Tumblr
อย่างที่บอกครับ ฮิปสเตอร์หรือไม่ คงไม่สำคัญเท่ากับว่าคุณใช้ชีวิตยังไงเสียมากกว่า
เพราะมนุษย์ทุกคน จุดสูงสุดคือการใช้ชีวิตและการอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างผู้ศิวิไลซ์